สงครามราคา สรุปแล้วใครกันได้ประโยชน์ ตอนที่ 1
ในยุคเศรษฐกิจของประเทศไทยและของโลกในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าจะนับได้ว่าเป็นช่วงขาลงอย่างมาก จึงทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้ขายหรือผู้ผลิตนั้นมีจำนวนมากกว่าผู้ซื้อเมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ก็ต้องจำเป็นพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะคุณภาพของสินค้า หรืออาจจะมีนโยบายการตลาดมากมายเพิ่มขึ้นรวมถึงนโยบายทางด้านราคาเพื่อกำหนดราคาสินค้าให้ผู้บริโภคมีกำลังในการซื้อสินค้าและยังต้องคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและกำไรต่อผู้ผลิตเองด้วยนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉะนั้นหลักการตลาดคงหนีไม่พ้นการลดราคาสินค้าเพื่อให้ขายสินค้าได้ในจำนวนมากแต่ได้กำไรน้อยลง หรือเรียกตามภาษาที่คุ้นหูทั่วไปคือ "ขายน้อยๆแต่นานๆ" เพราะหากตั้งราคาสินค้าไว้สูงมากจะทำให้การตัดสินใจของผู้ซื้อนั้นเป็นการยากที่จะซื้อสินค้า จึงทำให้ทางผู้ผลิตจำเป็นต้องเลือกว่าขายได้จำนวนที่มากขึ้นแต่ได้กำไรน้อยลงแต่โดยรวมแล้วอาจจะได้กำไรลดลงไม่มากก็ตามหรือกับการสินค้าแทบจะไม่ได้เลย
ปัญหาในส่วนนี้ผู้ที่จะได้รับผลมากที่สุดคงไม่พ้นผู้ผลิตสินค้ารายย่อย ประเภอห้างร้านต่าง ๆ ที่คอยรับสินค้ามาจำหน่าย (ตัวแทนจำหน่าย) ประเภทสินค้าที่มีการแข่งขันกันมากในปัจจุบันคงนี้ไม่พ้นสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคทั้งหลายที่มีผู้ผลิตเป็นจำนวนมากมักทางผู้ผลิตสินค้าจะนิยมใช้วิธีการปรับลดราคาหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ แต่ผู้ผลิตบางรายอาจจะทำเป็นการลดราคาในช่วงเทศกาลก็จะทำให้การแข่งขันการตลาดยังไม่เสียหายมากนัก แต่ถ้าผู้ผลิตสินค้าลดราคาสินค้าเป็นการถาวรก็จะเป็นจุดกำเนิดของ "สงครามราคา" ในที่สุด
ตัวอย่างหากผู้ผลิตสินค้า 2 บริษัทผลิตสินค้าชนิดเดียวกันเหมือนกันทั้งด้านคุณภาพและรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้า เมื่อผู้ผลิตสินค้ารายแรกได้ทำการลดราคาแล้วลูกค้าก็อาจจะทำการซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายแรกเพิ่มมากขึ้นทำให้ยอดการขายสินค้าของผู้ผลิตสินค้ารายแรกมากขึ้นตามลำดับ เป็นเหตุผลที่รายได้จากการขายสินค้าของผู้ผลิตสินค้ารายที่สองต้องลดน้อยลง ดังนั้นผู้ผลิตสินค้ารายที่สองต้องการขายให้ได้มากขึ้นสิ่งที่ทำได้ก็คือ ลดราคาให้เท่ากับผู้ผลิตรายแรกหรืออาจจะเป็นน้อยกว่าเล็กน้อย และถ้าหากผู้ผลิตสินค้ารายใดลดราคาลงมาอีกก็ทำให้อีกฝ่ายลดราคาตาม ๆ กันแบบนี้ก็จะเกิดสงครามราคาแบบไม่มีวันสิ้นสุด จนอาจจะทำให้ผู้ผลิตเสียหายหรือขาดทุนจนต้องปิดกิจการในที่สุด