มารู้จักส่วนประกอบของดินตามธรรมชาติกันเถอะ
การปลูกข้าวสารตามปกติต้องอาศัยดินที่ดีในการปลูกเพื่อให้ข้าวสารออกมางอกงาม ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของดินตามธรรมชาติกันเสียก่อน ดินเกิดจากการสลายตัวของซากพืชและซากสัตว์ที่ตายโดยถับถมกันมาเป็นระยะเวลาหลายล้านปีผสมกับการสลายตัวของหินและแร่ต่าง ๆ หากเราทำการปลูกพืชติดต่อกันเป็นระยะเวลานานดินก็จะมีการเสื่อมสภาพลง เนื่องจากพืชได้ดูดเอาแร่ธาตุต่างใช้ไป
ดินเปรียบเสมือนเครื่องกรองของเสียเพราะสามารถนำไปใช้กรองหรือกำจัดของเสียต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของเหลวหรือของแข็ง ความพิเศษของดินคือสามารถผลิตจุลินทรีย์ได้หลายชนิดและสามารถเปลี่ยนสารพิษในดินให้กลับมาไม่เป็นพิษได้ ดินทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวรากของต้นพืชไม่ให้ล้มและคอยให้แร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อการเจริญเติบโตของพืช
ส่วนประกอบของดินตามธรรมชาติแบ่งได้ 4 ชนิด คือ
อนินทรียวัตถุ คือ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของแร่และหินที่เกิดการสลายตัวโดยทางเคมี ทางกายภาพและชีวเคมี ซึ่งทำให้อนินทรียวัตถุเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมลักษณะของดินและเป็นส่วนประกอบที่มีมากที่สุดในดิน โดยทำหน้าที่เป็นแหล้งอาหารของจุลินทรีย์ในดินและกับพืช
อินทรียวัตถุ คือ ได้แก่ส่วนที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของซากพืชซากสัตว์ที่กำลังสลายตัวที่ทับถมกันอยู่บนดิน ทำหน้าที่ เป็นแหล่งสำคัญของธาตุอาหารและให้พลังงานจุลินทรีย์ในดิน อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อโครงสร้างดิน ความร่วนซุย การระบายน้ำ การถ่ายเทอากาศ ซึ่งมีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของดินอีกด้วยเช่นโครงสร้างดิน ความร่วนซุย การระบายน้ำและการแลกเปลี่ยนอากาศของดิน แต่มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่ำ
น้ำ หมายถึง น้ำที่อยู่ในดินนั้นคอยทำหน้าที่ให้น้ำแก่พืชและช่วยละลายธาตุอาหารต่างๆ ในดิน และขนย้ายอาหารพืช ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
อากาศ คือก๊าซที่พบได้ในดิน เช่น ก๊าซไนโตรเจน ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ทำหน้าที่ให้ออกซิเจนแก่รากพืช และจุลินทรีย์ในการหายใจของพืช
ตามปกติดินที่เกิดใหม่มักมีอินทรียวัตถุสะสมอยู่ที่ดินบน แต่จะมีปริมาณน้อยในดินชั้นล่าง แต่ในระดับที่ลึกลงไปตามแนวหน้าตัดของดินจะสามารถค้นพบหินบางชนิดที่กำลังสลายตัวอยู่ในชั้นล่างเรียกว่า วัตถุต้นกำเนิดดิน ใต้วัตถุต้นกำเนิดดินลงไปเรียกว่าหินพื้น ซึ่งเป็นชั้นที่ยังไม่ได้ผ่านการสลายตัวผุพัง